สถานที่ศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน
(My Son
Sanctuary) หรือที่รู้จักกันดีในอีกสมญาหนึ่งว่า
“หุบเขาศักดิ์สิทธิ์หมีเซิน” โบราณสถานที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาสูง
ล้อมรอบด้วยภูเขาในเขตจังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) จังหวัดทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม
อยู่ระหว่างเมืองฮานอยและดานัง โดยอยู่ห่างจากเมืองฮานอยประมาณ 40 กิโลเมตร ส่วนเมืองดานังประมาณ 70 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2 ตารางกิโลเมตร โดยคำว่า หมีเซิน (My Son) มีความหมายว่า ภูเขาอันสวยงาม
หมีเซิน จัดเป็นโบราณสถานที่มีสถาปัตยกรรมแบบฮินดูที่สมบูรณ์
และเก่าแก่ที่สุดในอินโดจีน อดีตเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรจาม หรือ จามปา
ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 ในศตวรรษที่ 4 โดยถูกใช้เป็นศาสนสถานตามความเชื่อของศาสนาฮินดู
ในการทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้บันดาลพรและคุ้มครองราชวงศ์จาม
รวมถึงเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์
ในยุครุ่งเรืองอาณาจักรจามครอบคลุมอาณาเขตตั้งแต่พื้นที่ทางตอนใต้ของฮานอย
ไปถึงเวียดนามใต้ และจรดภาคตะวันออกของกัมพูชา ราชวงศ์ที่ครองราชย์มีด้วยกัน 14 ราชวงศ์ 78 พระองค์ ก่อนที่จะล่มสลายในช่วงศตวรรษที่ 15
ร่องรอยอารยธรรมอันเก่าแก่ของหมีเซิน
ยังคงหลงเหลือให้ผู้มาเยือนได้เห็นอยู่โดยรอบ
หากเดินไปตามทางภายในนครแห่งนี้จะสามารถพบเห็นสิ่งปลูกสร้างหลัก ๆ
ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมจากการก่อสร้างโดยใช้อิฐแบบโบราณ
มีการแกะสลักนิทานพื้นบ้านของศาสนาฮินดูบนป้ายหินทราย และรูปสลักบนกำแพงอิฐ
แสดงให้เห็นถึงศิลปะที่ประณีตสวยงามของชาวจาม การสร้างอาคารใช้ซุ้มประดับ
และใช้เสาประดับผนัง ศิลปะของจามคาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของขอม ชวา
และอินเดีย แต่นำมาประยุกต์จนมีรูปแบบเฉพาะของตนเอง รวมถึงสามารถพบเห็นศิวลึงค์
หน้าบันรูปพระศิวะ แท่นบูชาตามความเชื่อของศาสนา และหินแกะสลักเทพต่าง ๆ เป็นต้น
อาณาจักรจามเดิมประกอบไปด้วยกลุ่มปราสาทน้อยใหญ่ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ ราว 73 หลัง แต่ในช่วงปีค.ศ. 1969
หรือช่วงสงครามเวียดนามนั้น
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกทหารเวียดนามใช้เป็นพื้นที่กองบัญชาการเพื่อรบกับอเมริกาที่ยกพลขึ้นบกบริเวณชายหาดเมืองดานัง
และได้ถูกทหารอเมริกานำเครื่องบิน B-52 ทำการทิ้งระเบิดแบบปูพรมในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้อาณาจักรหมีเซินเสียหายเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันปราสาทที่เหลือจึงมีเพียงแค่ 22 หลังเท่านั้น
ซึ่งในปัจจุบันมีการแบ่งปราสาทออกเป็นกลุ่ม ๆ โดยใช้ตัวอักษรกำกับ มีตั้งแต่กลุ่ม A จนถึง K ทว่าปราสาทในกลุ่ม A ถูกทำลายจากช่วงสงครามจนหมดสิ้น
หมีเซินเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในปี
ค.ศ. 1995 หลังจากได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์
เปลี่ยนแปลงและซ่อมบำรุงจุดต่าง ๆ ให้สามารถเยี่ยมชมได้ ต่อมาในปี ค.ศ.1999 ทางองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ได้รับรองให้หมีเซินเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
จากหลักเกณฑ์ที่ว่า ปราสาทแห่งนี้เป็นเสมือนหลักฐานทางวัฒนธรรม
และอารยธรรมที่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว
โดยโบราณสถานแห่งนี้ยังได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกพร้อม ๆ
กับเมืองมรดกโลกฮอยอันอีกด้วย
หมีเซิน
เปิดทำการตลอดทั้งปี มีค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าชม 50,000 ด่อง คิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 170 บาท ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาเยี่ยมชม คือ ช่วงเช้า
เพราะอากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป การเดินทางมายังหมีเซิน
สามารถมาได้โดยนั่งเครื่องบินมาลงยังสนามบินฮานอย อย่างไรก็ดี
แนะนำว่าให้ซื้อทัวร์แบบ One day trip ราคาประมาณ
8 USD จากบริษัทผู้ให้บริการท่องเที่ยวของเวียดนาม
ซึ่งขากลับจะมีให้เลือกระหว่างเดินทางกลับด้วยรถบัส
หรือจะเดินทางกลับทางเรือก็ได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจศิลปะแบบจาม
นอกจากการเดินเที่ยวชมกลุ่มปราสาทหมีเซินแล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์จามแห่งเมืองดานัง (Da Nang Museum of Cham Sculpture)
ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง
บริเวณหัวมุมติดถนนสองสาย ได้แก่ ถนนสองกันยา และถนนจึงญือเวือง
สถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารสองชั้นแบบเปิดโล่ง สร้างขึ้นในแบบกอทิก
โดยสถาบันวิจัยทางโบราณคดีแห่งฝรั่งเศส ในปีพ.ศ. 2479
วัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อเก็บรักษา และจัดแสดงวัตถุที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรจาม
จากการค้นพบตามแหล่งอารยธรรมของชาวจาม อาทิ กำแพงเมือง และพระปรางค์ต่าง ๆ
ซึ่งห้องจัดแสดงจะถูกแบ่งออกไปตามสถานที่ที่ค้นพบวัตถุ ได้แก่ ห้องหมีเซิน
ห้องจ่าเกียว ห้องท้าปเหมิ่น และห้องด่งเซือง
ปัจจุบันมีการเก็บรักษาสมบัติทางประวัติศาสตร์เหล่านี้อยู่ที่ 2,000 ชิ้น โดยมีเพียง 500
ชิ้นเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้นำมาจัดแสดงให้คนทั่วไปได้ชื่นชม ทั้งนี้
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยเสียค่าธรรมเนียมในการเข้าชมคนละ 30,000 ด่อง
ที่มา:http://www.aec10news.com/